เราต้องเตรียมตัวสำหรับงานที่ยังไม่มีในวันนี้
โดยใช้เทคโนโลยีที่ยังไม่เกิดและแก้ปัญหาที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร
นี่คือความท้าทายความยากของเด็กในอนาคต แปลว่าเด็กในยุคต่อไปต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
เรียนรู้ตั้งแต่เด็กจนอายุมาก ในศตวรรษที่ 21
การเรียนแบบท่องจำ และการเรียนเพื่อรู้แต่ข้อมูล (information) เพียงอย่างเดียว จะมีประโยชน์น้อยลงทุกที หรือเรียกได้ว่า ความรู้จาก 1i
ไม่เพียงพอ แต่ต้องปรับเป็น 4i คือ
Imagination
– จินตนาการ
Inspiration
– แรงดลใจ
Insight
– ความเข้าใจลุ่มลึก
Intuition
– ญานทัศน์ การหยั่งรู้
โดยการสอนเด็กในอนาคตต้องสอนให้เด็ก สอนให้เด็กคิดสร้างสรรค์
ใฝ่รู้ หาความรู้ด้วยตัวเอง สื่อสารเก่ง อดทน คิดเชิงวิพากย์ และสามารถเรียนรู้จากแหล่งที่หลากหลาย
จึงจะเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้
การเรียนการสอนต้องเปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนไปสู่การเรียนโดยผู้เรียนมีบทบาทมากขึ้น
เรียกว่า Active learning ไม่ใช่การสอนแบบจดบันทึกหรือบรรยายโดยการฟังนั้น
มีผลวิจัยพบว่าเด็กจะมีการเรียนรู้จากรูปแบบนี้เพียงไม่เกิน 20% แต่ถ้าเด็กเรียนรู้โดยการเล่น จะมีความรู้เพิ่มขึ้นเป็น 20 – 75 % แล้วดีที่สุดคือ การเรียนรู้จากการลงมือทำเอง ก็จะมีความรับรู้หรือเข้าใจ
มากกว่า 75%
สรุปและข้อเสนอแนะ
1. โลกใบใหม่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
2. เตรียมทำงานที่ยังไม่มี
ใช้เทคโนโลยีที่ยังไม่เกิดแก้ปัญหาที่ยังไม่รู้
3. สร้างทักษะแห่งโลกอนาคต เรียนรู้จาการ “ทำ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น